การตรวจระดับค่าน้ำตาลในเลือด (https://www.vimut.com/article/hyperglycemia-symptoms)เป็นวิธีที่ช่วยประเมินสุขภาพและควบคุมโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปมีวิธีการตรวจดังนี้:
1.การตรวจระดับค่าน้ำตาลในเลือดที่ปลายนิ้ว (Fingerstick Blood Sugar Test)
- อุปกรณ์ที่ใช้: เครื่องวัดค่าน้ำตาลในเลือด (Glucometer), เข็มเจาะเลือด, แผ่นตรวจน้ำตาล
ขั้นตอนค่าน้ำตาลในเลือด ที่ปลายนิ้ว :
1. ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง
2. ใช้เข็มเจาะปลายนิ้วเพื่อเก็บตัวอย่างเลือด
3. หยดเลือดลงบนแผ่นตรวจที่เชื่อมต่อกับเครื่องวัด
4. รอผลที่แสดงบนหน้าจอเครื่อง
2.การตรวจระดับค่าน้ำตาลในเลือดจากห้องปฏิบัติการ
ประเภทการตรวจค่าน้ำตาลในเลือด:
- Fasting Blood Sugar (FBS): วัดระดับค่าน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- Oral Glucose Tolerance Test (OGTT): ตรวจหลังดื่มน้ำตาลเพื่อดูการตอบสนองของร่างกาย
- HbA1c: วัดค่าเฉลี่ยน้ำตาลในเลือดในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
ขั้นตอนการวัดค่าน้ำตาลในเลือด จากห้องปฏิบัติการ :
1. เจาะเลือดจากหลอดเลือดดำที่แขน
2. ส่งตัวอย่างไปตรวจในห้องปฏิบัติการ
3. รอผลการวิเคราะห์จากแพทย์
3. การตรวจด้วยเครื่องวัดน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitoring - CGM)
อุปกรณ์ที่ใช้: เซ็นเซอร์ที่ติดกับผิวหนัง
ขั้นตอนค่าน้ำตาลในเลือด ด้วยเครื่องวัดน้ำตาลแบบต่อเนื่อง :
1. ติดตั้งเซ็นเซอร์ไว้ที่ผิวหนังบริเวณแขนหรือหน้าท้อง
2. เซ็นเซอร์จะวัดระดับน้ำตาลอย่างต่อเนื่องและแสดงผลผ่านแอปพลิเคชันหรือเครื่องอ่าน
3. ใช้สำหรับติดตามระดับน้ำตาลในระยะยาว
4. การตรวจด้วยชุดตรวจเบาหวานแบบพกพา
อุปกรณ์ที่ใช้: ชุดตรวจน้ำตาลที่มีแถบทดสอบ
ขั้นตอนค่าน้ำตาลในเลือด ด้วยชุดตรวจเบาหวานแบบพกพา :
1. อ่านคำแนะนำจากชุดตรวจ
2. เจาะเลือดและหยดลงบนแถบทดสอบ
3. รอผลที่แสดงบนแถบหรือเครื่อง
ข้อควรระวังในการค่าน้ำตาลในเลือด:
- ควรตรวจในช่วงเวลาที่แพทย์แนะนำ เช่น ก่อนอาหาร หลังอาหาร หรือก่อนนอน
- ใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองและตรวจสอบวันหมดอายุของแผ่นตรวจ
- หากพบค่าผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
การตรวจระดับค่าน้ำตาลในเลือด (https://www.vimut.com/article/hyperglycemia-symptoms)อย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ